Vegan วีแกน เจ VS มังสวีรัติ แตกต่างกันอย่างไร Read More Clean Eating กินลีน vs กินคลีน เหมือนหรือต่าง อย่างไหนดีกว่า Read More Carbs ทำไมต้องทานสารอาหารคาร์โบไฮเดรต Read More
Food
การกินเจ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “การกินเจ”

กลับมากันอีกครั้งกับช่วงแห่ง “เทศกาลกินเจ” ของชาวพุทธเชื้อสายจีนทุกๆ ท่านกันนะครับ ทุกๆ ท่านทราบกันบ้างมั้ยครับว่า เทศกาลนี้มีต้นเกิดมาจากที่ไหน เรื่องราวความเป็นมานั้นเป็นอย่างไร วันนี้เราจะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “เทศกาลกินเจ” กันครับ จะมีข้อมูลส่วนไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น เราไปชมกันดีกว่าครับผม ทำความรู้จักกับ “เทศกาลกินเจ” เทศกาลกินเจ หรือ กินเจ กำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี รวม9วัน สันนิษฐานว่ามีจุดเริ่มต้นในประเทศมาเลเซียและภาคใต้ของประเทศไทย เทศกาลกินเจไม่ใช่ประเพณีของชาวจีนโพ้นทะเลทั้งหมด เพราะชาวจีนในประเทศจีนปัจจุบันไม่ค้นพบว่ามีการสืบทอดหรือจัดประเพณีกินเจนี้เลย แม้มีอยู่บางหมู่บ้านก็ปรากฏว่าได้จัดประเพณีตามประเทศไทย และไม่พบประเพณีนี้ในชุมชนชาวจีนในประเทศอื่นๆ ดังนั้น จึงสันนิษฐานว่าเป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นจากคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศ ว่ากันว่า ประเพณีถือศีลกินเจหรือกินเจซึ่งเป็นพิธียันตรกรรมบูชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยอาศัยพระแม่แห่งดวงดาวมารี ในแบบของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน แต่ในทางลัทธิเต๋าเรียกว่า เต้าโบ้หงวนกุนหรือเต้าโบ้เทียนจุนในภาษาฮกเกี้ยน เป็นศูนย์กลางสมมติของพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ มักอิงประวัติผูกติดอยู่กับฝ่ายตำนานเทพแห่งดาวนพเคราะห์มากกว่า ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งลัทธิเต๋า ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่เมืองจีน นับจากนั้นเป็นต้นมาเมื่อพระพุทธศาสนาเจริญขึ้น จึงปรากฏตำนานความเชื่อที่ผูกโยงกับพระพุทธเจ้า 7 พระองค์และพระโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ เรียกว่า กิ้วอ้วงฮุดโจ้วในภาษาจีนแต้จิ๋ว (โดยคติความเชื่อในประเพณีของชาวจีน โดยเฉพาะลัทธิขงจื๊อซึ่งเน้นในเรื่องบรรพบุรุษและความกตัญญู บรรดาบูรพกษัตริย์ที่เคยอุทิศตนเพื่อให้ประชาชนมีความเจริญโดยใช้หลักเมตตาธรรมก็จะเป็นบุคคลผู้ได้รับการสรรเสริญจากประชาชน ตามตำนานสามารถรวบรวมได้ 9 พระองค์ ซึ่งอยู่ในยุคสมัยต่างๆกัน นั้นเองครับ อาหารเจเป็นอย่างไร? อาหารเจ คือ อาหารที่ปราศจากส่วนประกอบของเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รวมถึงผักที่มีกลิ่นฉุน เน้นการกินผักและโปรตีนจากพืชที่มีไขมันน้อยกว่าไขมันจากสัตว์ จึงทำให้อาหารเจดูเหมือนเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่วนการกินเจ คือการงดรับประทานอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์, ไข่, นม หรือผักที่มีกลิ่นฉุนต่างๆ ในทุกๆ ปีจะมีเทศกาลถือศีลกินเจ ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณของชาวไทยเชื้อสายจีน โดยมีความเชื่อว่าเป็นการรักษาสุขภาพที่ดี พร้อมทั้งชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาหารเจในยุคปัจจุบัน มีการผลิตวัตถุดิบอาหารแปรรูปที่เลียนแบบรสชาติ กลิ่นของเนื้อสัตว์ ที่มีส่วนผสมของสารกันบูด ...

Read More
ผลไม้ GMO

ผลไม้ GMO มีผลข้างเคียงหรือไม่?

เคยได้ยินหรือได้อ่านเกี่ยวกับข่าวของ “การตัดต่อพันธุกรรม” กันบ้างมั้ยครับ โดยเฉพาะเรื่องของผลไม้พืชพันธุ์ที่มีการตัดแต่งเพื่อเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องของ “ผลไม้ GMO” พวกนี้อย่างแน่นอน วันนี้เราจึงอยากเป็นตัวแทนพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ผลไม้ GMO มีผลข้างเคียงหรือไม่?” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “การตัดต่อพันธุกรรม” การตัดต่อพันธุกรรมหรือที่เราเรียกสั้นๆ กันว่า “GMO” ย่อมาจาก Genetically Modified Organism หมายถึงจุลินทรีย์พืชและสัตว์ที่มีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรม โดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรมคือมีการตัดต่อและปลูกถ่ายยีนจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปสู่สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งหรือชนิดเดียวกันและยีนที่ถูกถ่าย กระบวนการดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMO ทำอย่างไร? สำหรับกระบวนการ GMO นี้ จะทำโดยการนำยีนจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งมาผ่านกระบวนการโดยใส่ยีนนี้เข้าไปในยีนของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยที่ยีนของทั้งสองสิ่งนี้ในธรรมชาติไม่สามารถนำมาผสมพันธุ์กันได้ เป็นการทำขึ้นเพื่อให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีคุณลักษณะเป็นไปตามที่เราต้องการ โดยเรียกยีนจากสิ่งมีชีวิตสองสิ่งที่ถูกนำมาผสมกันแล้วนี้ว่า GMO นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันเราจะเห็นพืชที่ผ่านกระบวนการตัดต่อยีน หรือ GMO ผ่านกระบวนการทางพันธุวิศวกรรมนี้มากมายเลยทีเดียวในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่ง, ข้าวโพด, มะละกอ, มะเขือเทศ หรือถั่วเหลือง เป็นต้น เรียกว่ากระบวนการนี้ใช้ได้ผลดีในพืชจำนวนมาก แต่กับสัตว์นั้นยังคงมีข้อจำกัดอยู่ GMO มีผลข้างเคียงหรือไม่? การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ในการตัดต่อทางพันธุกรรม นักวิทยาศาสตร์ได้มีการนำยีนที่ช่วยให้สายพันธุ์ของพืชและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มีคุณภาพดีขึ้น แต่ก็มีความกังวลว่ายีนเหล่านั้นอาจส่งผลให้เซลล์ในร่างกายมีพันธุกรรมที่ผิดปกติ เช่น การดื้อยาปฏิชีวนะ หรือทำให้เด็กที่เกิดมามีความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ และนอกจากนี้การผสมพันธุ์แบบข้ามสายพันธุ์ เนื่องจากในปัจจุบันเมล็ดพันธุ์ที่เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมถูกใช้มากขึ้น จึงทำให้เสี่ยงต่อการผสมข้ามสายพันธุ์ และเมื่อพืชเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้อีกด้วยครับ ประโยชน์ของการทำพืชผลไม้ GMO ●ช่วยให้มีพืชสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมา โดยสามารถทานต่อสิ่งแวดล้อมได้ดี รวมทั้งป้องกันตนเองจากศัตรูพืชได้ ●ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าปกติ ช่วยแก้ปัญหาในด้านการขนส่งได้เป็นอย่างดี ●มีผลผลิตที่ขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งมีคุณค่าอาหารเพิ่มขึ้น ●ทำให้ได้ผลผลิตที่แปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือสีสันต่างๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น ● เป็นการลดสารเคมี ทำให้ได้ผลผลิตมากขึ้น รวมทั้งต้นทุนในการผลิตถูกขึ้น ●พืชหรือผลผลิตที่ได้มีลักษณะที่สามารถป้องกันศัตรูพืชได้ด้วยตนเอง ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีต่างๆ เรียกว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันตรายที่อาจพบได้จากการรับประทานพืชผลไม้ GMO ●อาจก่อเกิดอาการแพ้ แม้อาหารที่ผลิตจากสิ่งมีชีวิตที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นภูมิแพ้ในอาหารได้ แต่ก็ไม่กำจัดความเสี่ยงที่จะการแพ้อาหารได้ ●อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนสารอันตราย กระบวนการ GMOs ...

Read More
อาหารสำหรับผู้ที่จะลดน้ำหนัก

4 แนวทางการเลือกกินอาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักเรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ที่ดีสำหรับคนในยุคนี้ที่มีของกินแสนอร่อยมากมาย โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีของกินขายแทบจะ 24 ชั่วโมง ซึ่งแตกต่างกับต่างชาติเป็นอย่างมากเลยหล่ะครับ จึงไม่แปลกใจเลยที่คนไทยจะมีค่าเฉลี่ยของคนที่มี่น้ำหนักเกินอยู่ในอับดับต้นๆ ของ Asia ครับ วันนี้เราจะขอพาทุกๆ ท่านที่สนใจในการลดน้ำหนักไปพบกับ “4 แนวทางการเลือกกินอาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก” ที่น่าสนใจและน่าลองไปทำตามกันดูครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยย!!! การลดน้ำหนักที่ดีต้องทำอย่างไร? การลดน้ำหนักที่ดีควรเข้าใจก่อนว่า คือ การลดปริมาณของไขมันในร่างกายที่มีมากเกินต้องการลงหลักของการลดปริมาณไขมันที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็คือ พยายามให้ร่างกายได้รับอาหารโดยคิดเป็นแคลอรี แล้วน้อยกว่าจำนวนพลังงานหรือแคลอรีที่ร่างกายต้องใช้ไปในแต่ละวัน นอกจากนี้จะต้องพยายามพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้การเผาผลาญของร่างกายคงที่ครับ ทำความรู้จักกับ “โยโย่เอฟเฟค” “โยโย่ เอฟเฟกต์” เป็นคำเรียกที่เปรียบเทียบการขึ้นลงของน้ำหนักร่างกายกับลักษณะการเหวี่ยงขึ้นอย่างรวดเร็วของโยโย่ เวลาเราเล่นโยโย่ ซึ่งถ้าเราออกแรงทิ้งเหวี่ยงโยโย่มากๆ ลูกโยโย่ก็จะดีดกลับขึ้นมาเร็วและแรง เปรียบได้กับการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการลดน้ำหนักผิดวิธี ร่างกายศูนย์เสียไขมันและมวนกล้ามเนื้อไปอย่างรวดเร็ว โยโย่ เอฟเฟกต์ เรามักเห็นได้ชัดเจนในคนอ้วนที่พยายามลดความอ้วนจนกลายเป็นคนผอมอย่างรวดเร็ว  จากคนที่มีน้ำหนักตัวสูงกลับผอมลง  ก่อให้เกิดผิวหนังหย่อนคล้อย ซึ่งน้ำหนักจะลดจนผอมได้ไม่นานก็กลับไปอ้วนอีกครั้งนั้นเอง นอกจากนี้ยังทำอ้วนเร็วขึ้น และมีน้ำหนักมากกว่าเดิม เพราะร่างกายเสียสมดุลในการเผาผลาญไปแล้ว โดยส่วนใหญ่อาการโยโย่ มักจะพบในผู้ที่ชอบพึ่งทางลัดในการลดน้ำหนัก เช่น กินยาลดความอ้วน เพราะยาลดความอ้วนจะไปออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มตลอดเวลา ทำให้ระบบการเผาผลาญมีการจดจำภาวะการทำงานของร่างกายแบบผิดปกติครับ 4 แนวทางการเลือกกินอาหารสำหรับผู้ที่จะลดน้ำหนัก ●ควบคุมปริมาณอาหาร ควรรับประทานอาหารอย่างเพียงพอและไม่มากเกินไปเพื่อป้องกัน การสะสมของไขมันส่วนเกิน ●รับประทารอาหารที่มีพลังงานต่ำ เลือกกินอาหารที่ให้พลังงานแคลลอรี่ต่ำแล้ะหมาะสมกับการเผาผลาญของร่างกาย ●หลีกเลี่ยงของมัน ลดอาหารจำพวกของทอด ผัด และอาหารที่มีไขมันสูงต่างๆ เช่น ไก่ทอด, หมูสามชั้นทอด เป็นต้น ●ลดอาหารจำพวกไขมันและรักษามวลกล้ามเนื้อ ให้คงที่ขณะที่ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและทานโปรตีนอย่างเหมาะสม การนอนดึกส่งผลทำให้อ้วนจริงหรือ? การนอนดึกส่งผลให้ฮอร์โมนเครียดที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล หลั่งมากขึ้นในวันถัดมา ฮอร์โมนเครียดที่เพิ่มขึ้นนี้จะกระตุ้นให้คุณรู้สึกอยากอาหารหวานๆ หรือน้ำตาลมากกว่าเดิม นอกจากฮอร์โมนเครียดแล้ว ฮอร์โมนหิว หรือ เกรลิน ก็จะหลั่งเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้คุณหิวเก่งขึ้นคูณสองเลยหล่ะครับ เท่านั้นยังไม่พอ ฮอร์โมนอิ่ม หรือ เลปติน จะหลั่งลดลง ส่งผลให้คุณรับประทานแล้วไม่ค่อยอิ่ม จึงทำให้อ้วนง่ายกว่าเดิมมากๆ เลยหล่ะครับ ดังนั้นแล้วควรเข้านอนไม่เกินเวลา 00.00 น. หรือ เที่ยงคืนนั้นเองครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “4 ...

Read More
Lifestyle
เงินชดเชยเลิกจ้าง

สิ่งที่ต้องได้รับหากถูกเลิกจ้าง

ว่ากันด้วยเรื่องหน้าที่การงานของเราในทุกๆ วันนี้ เป็นอะไรที่เราจะต้องให้ความสำคัญและทุ่มเทในการทำงานกันเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ แต่ด้วยความที่ยุคนี้งานหายากมากๆ และเศรษฐกิจก็ไม่ดีก็อาจจทำให้เกิดการ “เลิกจ้างได้” วันนี้เราจะมาพาทุกๆ ท่านไปเตรียมตัวและหาความรู้เกี่ยวกับ “สิ่งที่ต้องได้รับหากถูกเลิกจ้าง” ที่น่าสนใจกันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ ความคุ้มครองที่ได้รับจากประกันสังคมในช่วงโดนเลิกจ้างหรือว่างงานที่ควรทราบ ●กรณีว่างงาน เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน●กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนไปรักษา●รักษาฟรีที่สถานพยาบาลที่เลือกไว้●ถ้าหมอให้หยุดพักเพื่อรักษาตัว ได้เงินทดแทนการขาดรายได้ 50% ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ปีละไม่เกิน 180 วัน (เฉพาะโรคเรื้อรังปีละไม่เกิน 365 วัน) ●รักษาฟันฟรี ปีละ 900 บาท ●กรณีคลอดลูก เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนวันคลอด●กรณีทุพพลภาพ เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเกิดเหตุ●กรณีทุพพลภาพ เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเกิดเหตุ●กรณีสงเคราะห์บุตร เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 เดือน ภายใน 36 เดือนก่อนได้รับเงินทดแทน●กรณีชราภาพ จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนที่จ่ายมา เงินชดเชยเลิกจ้างแบ่งสัดส่วนเป็นอย่างไรและประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? กรณีที่พนักงาน “ถูกให้ออกจากงาน ลูกจ้างต้องได้รับค่าชดเชย” จะได้เงินค่าชดเชยที่นายจ้างจะต้องชดเชย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ และตามกฎหมายลูกจ้างต้องได้รับค่าชดเชย ตาม พระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ...

Read More
กฏหมายแรงงาน

กฏหมายแรงงานพื้นฐานที่ควรทราบ

หลายๆ ท่านเคยสงสัยกันเกี่ยวกับเรื่อง “สิทธิประโยชน์และกฏหมายแรงงาน” กันมาบ้างมั้ยครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องรู้กันเอาไว้เพื่อประโยชน์ของตนเอง วันนี้เราเลยอยากจะมาพาทุกๆ ท่านไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ “กฏหมายแรงงานพื้นฐาน” ที่ควรทราบกันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยย!!! ทำความรู้จักกับ “กฏหมายแรงงาน” กฎหมายคุ้มครองแรงงาน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่ากฎหมายแรงงาน คือ กฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ของนายจ้าง ลูกจ้างองค์การของนายจ้าง และองค์กรของลูกจ้าง รวมทั้งมาตรการที่กำหนด ให้นายจ้าง ลูกจ้าง และ องค์กรดังกล่าวต้องปฏิบัติต่อกันและรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้การจ้างงาน และการใช้งาน การประกอบกิจการ และ ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเป็นไปโดยเหมาะสม ต่างได้รับประโยชน์ตามสมควร มีที่มาจากกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการ ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหมวดดังกล่าวนี้ มีทั้ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน, พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์, พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ฯลฯ โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายๆ อย่าง ดังเช่น ●การลาป่วย สำหรับการลาป่วยตามมาตรา 32 นั้นลูกจ้างมีสิทธิลาได้เท่าที่ป่วยจริง ๆ หากป่วยและลาตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป ที่เป็นวันทำงานจะต้องแสดงใบรับรองแพทย์ หากในกรณีที่แสดงไม่ได้ให้ลูกจ้างชี้แจงให้นายจ้างทราบ ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันลาป่วยเท่ากับค่าจ้างในวันทำงาน ตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน 30 วัน/ปี ตามมาตรา 57 นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 57 นี้จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามมาตรา 146 ฉะนั้นแล้วในการลาป่วยก็ต้องทำให้ถูกกฎหมายแรงงานด้วย บางกรณีเราก็ยังได้รับค่าจ้างอยู่เหมือนเดิม ●การลากิจ (ธุระอันจำเป็น) การลาแบบนี้เอาไว้ใช้ในการกรณีที่มีเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วนจำเป็นจะต้องลา พนักงานก็สามารถใช้สิทธิในการลากิจได้เพื่อไปทำธุระจำเป็น ซึ่งการลากิจไปทำอะไรนั้นก็จะต้องเป็นธุระที่คนอื่นไม่สามารถจะทำแทนได้ ●การลาเพื่อคลอดบุตร ตามมาตรา 41 ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรไม่เกิน 98 วัน/ปี ยื่นคำขอเพื่อลาคลอดล่วงหน้าพร้อมใบรับรองแพทย์ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันลาเพื่อคลอดบุตรเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา ไม่เกิน 45 วัน (มาตรา 59) นายจ้างผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 59 ...

Read More
สิทธิพื้นฐานของแรงงานต่างด้าว

สิทธิของแรงงานต่างชาติที่พึงรู้

เรื่องของสิทธิประโยชน์ของคนวัยทำงานทุกคนนั้น เป็นอะไรที่ต้องศึกษากันเอาไว้เผื่อใช้ประโยชน์ของตนเองเป็นการดีที่สุดใช่มั้ยหล่ะครับ ซึ่งในสิทธิเหล่านี้ครอบคลุมถึงแรงงงานต่างชาติด้วยเช่นกันครับ วันนี้เราเลยจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “สิทธิของแรงงานต่างชาติที่พึงรู้” ที่น่าสนใจกันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยยย!!! สิทธิพื้นฐานของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย สิทธิพื้นฐานสำคัญเมื่อแรงงานต่างด้าวตัดสินใจเข้ามาทำงานในเมืองไทยคือเรื่องของสุขภาพอันเป็นไปตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งในส่วนนี้คือเรื่องของประกันสังคมและสิทธิประกันสุขภาพ มีข้อมูลน่าสนใจดังนี้ 1. ประกันสังคม หากเป็นแรงงานต่างด้าวที่มีรายชื่อเป็นพนักงานองค์กรชัดเจนจะต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบไม่ต่างจากแรงงานไทย จากนั้นก็จะเข้าสู่สถานะของการเป็นผู้ประกันตน มีสิทธิด้านการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลที่ตนเองสังกัดหรืออยู่ในเครือข่ายแบบไม่ต้องเสียเงินตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ ดังนี้ - เมื่อขึ้นทะเบียนประกันสังคมแล้วต้องจ่ายเงินสมทบจำนวน 5% ของเงินเดือน (ไม่เกิน 750 บาท) นายจ้างจ่าย 5% และรัฐบาลไทยจ่าย 2.75%- แรงงานจะได้รับสิทธิประโยชน์รวม 7 รายการ ได้แก่ เจ็บป่วยหรือประสบอันตราย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการทำงาน คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และการว่างงาน- มีกองทุนเงินทดแทนโดยนายจ้างจะเป็นผู้จ่ายในอัตรา 0.2-1% ของค่าจ้างตามประเภทความเสี่ยงกิจการ เงินส่วนนี้แรงงานได้รับต่อเมื่อประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ สูญหาย หรือเสียชีวิตขณะทำงาน 2. สิทธิประกันสุขภาพ สำหรับแรงงานต่างด้าวที่มีการนำเข้าตาม MOU และทำงานประเภทแม่บ้าน เกษตรกร เลี้ยงสัตว์ การประมง การค้าที่ไม่ใช่ธุรกิจของตนเอง กลุ่มนี้จะไม่มีการขึ้นทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบประกันสังคม แต่ใช้การเข้าสู่ระบบประกันสุขภาพตามเงื่อนไขของกระทรวงสาธารณสุข มีค่าจ่ายค่าตรวจสุขภาพปีละ 500 บาท และค่าประกันสุขภาพปีละ 1,600 บาท จากนั้นรายชื่อของแรงงานจะถูกบันทึกเอาไว้ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าแบบเดียวกับคนไทย ส่งผลให้พวกเขาสามารถขอรับสิทธิ์ต่าง ๆ ตามโครงการประกันสุขภาพได้ทันที เช่น การเลือกสถานพยาบาลที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวเมื่อเจ็บป่วย ประสบอันตราย เป็นอีกสิทธิด้านสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงานต่างด้าวอันเป็นไปตามกฎหมายแรงงาน ●นายจ้างต้องปฏิบัติกับแรงงานเพศชายและหญิงอย่างเท่าเทียมยกเว้นสภาพหรือลักษณะงานที่ไม่สามารถปฏิบัติได้●งานทุกประเภทสามารถทำได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมง / วัน ส่วนงานที่มีอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ทำได้ไม่เกิน 7 ชั่วโมง / วัน ●หากมีการทำงานล่วงเวลาต้องได้รับความยินยอมจากฝั่งลูกจ้าง ยกเว้นกรณีหากหยุดทำงานต่อเนื่องแล้วงานมีความเสียหาย หรือเป็นงานเร่งด่วนฉุกเฉิน นายจ้างมีสิทธิแจ้งลูกจ้างให้ทำงานล่วงเวลาตามความเหมาะสม●เวลาพักในระหว่างวันทำงานไม่น้อยกว่า 1 ...

Read More